Tuesday 16 March 2010

ดูหนัง(ได้รางวัล)..แล้วย้อนดูตัว(เอง)




โบราณท่านว่าไว้ “ดูหนัง ดูละคร แล้วย้อนดูตัว”

แต่วันนี้ขอไม่พูดถึงละคร(ไทย)ที่ไม่เคยมีอะไรแปลกใหม่ที่มีประโยชน์ เพราะผมอยากจะพูดถึงเวทีประกวดรางวัลภาพยนต์นานาชาติหรือเวทีออสการ์ เวทีที่ทุกๆปีมักมีอะไรให้ได้ใจหาย(พลาดรางวัล) หรือลืมหายใจ(รอลุ้น) อยู่เสมอ

ผมเป็นคนชอบดูหนังครับ ไม่ว่าหนังนอกกระแสที่ดูมาตั้งแต่สมัยเรียน หรือหนังดังในกระแสถล่มทลายบ๊อกซ์ออฟฟิซ เพราะ “มายาคติ” มีในโลกมายามีอะไรมากกว่าที่เราคิดนะครับ (เอาแค่ชื่อก็ชนะแล้ว มายา+คติ) หนังดีๆหลายเรื่องเป็นกระจกสะท้อนให้เราเห็นตัวตน เงาความคิดหรือของคนที่ซ่อนอยู่

ออสการ์เป็นสถาบันภาพยนต์ของคนอเมริกัน โดยคนอเมริกัน และ(หลายครั้ง)เพื่อหนังอเมริกัน วัฒนธรรมอเมริกันก็เผยแพร่ผ่านภาพยนตร์เหล่านี้ และหลายครั้งภาพยนตร์ดีๆหลายเรื่องก็ให้แง่คิด บทเรียนและมุมมองที่น่าสนใจกับการบริหารชีวิต การทำงาน และก็สามารถนำมาปรับมาใช้ได้กับการต่อสู้ในแวดวงธุรกิจซึ่งเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวัน



สิ่งที่ผมชอบจาก Slumdog Millionaire หนังดังที่หนุ่มน้อยชาวอินเดียเล่นเกมส์เศรษฐี “สร้างโชคได้ด้วยตัวเองจากเรื่องราวรอบตัว” ที่รู้จักสังเกต เก็บเล็กผสมน้อยจากเกร็ดต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ทั้งๆที่มองเผินๆบางครั้งเรื่องราวเหล่านั้นดูแล้วอาจจะไม่ได้ใช้ประโยชน์กับชีวิตเฉพาะหน้าของหนุ่มน้อยในสลัมคนนี้เลย

ผมชอบ Forrest Gump ที่นำเสนออย่างแหลมคมว่า “ทุกคนเกิดมาไม่มีใครแตกต่าง” แต่ชิวิตนี้ไม่มีอะไรแน่นอน อะไรก็เกิดขึ้นได้ และยังเสนอให้เห็นอย่างชัดเจนว่า “ความสำเร็จสร้างได้ ไม่ว่าจะมาจากความฝัน จากความพยายาม หรือจากความอดทน” ที่แม้วันนี้ยังมองไม่เห็น ก็ไม่ได้แปลว่าความสำเร็จในชีวิตน่ะมันจะไม่มี

หนังที่ได้รางวัลออสการ์อย่าง More than a Game บอกเล่าเรื่องราวของนักเรียนยากจนกลุ่มหนึ่งที่เติบโตมาพร้อมๆกับความฝันของการเป็นแชมป์บาสเก็ตบอล ตัวหนังให้น้ำหนักของ “การเดินทางสู่ความสำเร็จที่สำคัญยิ่งกว่าตัวความสำเร็จ” ที่ได้รับ และยังตอกย้ำว่าทุกสิ่งเป็นไปได้ถ้าคนของเรามีความทุ่มเทมุ่งมั่น

ผมประทับใจกับหนังนอกกระแสที่ได้รางวัลเวทีเล็กๆหลายรางวัลเรื่องหนึ่งอย่าง Lovely Bones หนังที่เล่าเรื่องราวของความผูกพัน ความเป็นห่วงกังวลกับคนรอบๆตัวเราที่มีมากยิ่งกว่าตัวเรา หนังที่สรุปขมวดปมอย่างฉลาดว่า “ปัญหาและเรื่องราวทุกสิ่งมีทางออกของตัวมัน ด้วยตัวมันเอง” ตลอดเวลาของการเดินทางที่ดูเหมือนจะหยุดนิ่งของเรา ขอเพียงแค่เรารู้จักคิด รู้จักสังเกต เราจะเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น สิ่งที่คิดว่าไม่เคยเป็น และสิ่งที่คิดว่าไม่เคยมี

...

"Think differently and Push the boundaries."
+
"Right people and Right dedication."
+
"Optimism and Openness"

...

คิดต่างและคิดให้ไกลถึงที่สุด
+
ใช้คนให้เป็น คนที่มองแล้วเห็นความตั้งใจ
+
มองโลกแง่บวก พร้อมเปิดใจกับสิ่งที่อาจมองไม่เห็น อาจไม่ได้เป็น อาจคิดว่าไม่มี



มายา + คติ คือ การมองมายาเพื่อให้เห็นและนำมาใช้เป็น “คติ”
ไม่ใช่แค่ให้มี “สติ” อยู่แต่ในโลกมายา

นะครับ