Thursday 26 August 2010

ต้นทุนของความเชื่อมั่น




สำหรับบริษัทขนาดเล็ก การเสียพนักงานที่มีความสามารถดีๆออกไป เป็นเรื่องแย่ และจะยิ่งนับเป็นเรื่องใหญ่เป็นอย่างยิ่ง ถ้าพนักงานคนนั้นดึงลูกค้าดีๆของเราไปด้วย สำหรับธุรกิจในเมืองไทย การมีเพื่อนฝูงเป็นเรื่องสำคัญ ทะเลาะกันกับเพื่อนหรือพันธมิตรทางธุรกิจเหมือนกับเล่นไพ่แล้วเสียสองเด้ง นอกจากเสียความสัมพันธ์ดีๆกับพันธมิตรที่มีอยู่ ชื่อเสียงในวงการของธุรกิจทั้งสองฝ่ายก็คงฉาวโฉ่ เพราะแมงโม้ที่ไม่สนว่าใครถูกใครผิด คงเอาไปพูดต่อๆไปเรื่อย

...

การทรยศหักหลังกันเองของคนในองค์กร (Betrayal) เป็นสิ่งที่ทำลายแรงยึดเหนี่ยวของความก้าวหน้า เป็นเชื้อโรคที่คอยกัดกินความเจริญทางความคิด กำลังใจ ความผูกพันธ์รวมถึงความเป็นเพื่อน

Betrayal เรื่องเล็กๆ ที่เกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวันในบริษัทถึงแม้จะดูเป็นเรื่องเล็กๆจิ๊บจ๊อยแต่ก็สามารถกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้นะครับ เรื่องของ Betrayal ง่ายๆเช่น การที่พูดแล้วรับปากแล้วแต่ไม่รักษาคำพูด การพูดจานินทาลับหลังคนอื่น การใส่ร้ายป้ายสีกันเอง การไม่แบ่งปันข้อมูลที่อาจจะทำให้อีกฝ่ายทำงานได้ง่ายขึ้น เอาเข้าจริง เป็นบ่อยๆเข้า ทำให้อีกฝ่ายที่ถูกกระทำหรืออาจรู้สึกว่ากำลังถูกกระทำน้อยอกน้อยใจ สูญเสียต้นทุนที่สำคัญขององค์กรคือ “ความเชื่อมั่น” ได้นะครับ

ในความเป็นจริงแล้วคนในองค์กรคงรู้สึกน้อยใจในเรื่องต่างๆอยู่ตลอดเวลา เรื่องเล็กๆแบบ นายไม่รัก ระบบบริษัทไม่ดีไม่สนับสนุนความคิดเรา เงินเดือนน้อยไป หรือ ผู้ใหญ่ไม่สนับสนุน เรื่องเหล่านี้ส่วนสำคัญอยู่ที่ตัวเจ้าของกิจการหรือหัวหน้างานครับ

คิดว่าให้งานใหญ่เค้าไปแล้วแต่ได้ให้อำนาจการตัดสินใจกับเค้าไปด้วยหรือเปล่า ?
คิดว่าให้ตำแหน่งใหญ่ไปแต่ความวางใจไปด้วยหรือไม่ ?
ให้คำสัญญาแต่ให้และแสดงออกถึงความเชื่อมั่นในตัวลูกน้องหรือยัง ?

ถ้าคำตอบของคำถามเหล่านี้ส่วนใหญ่คือไม่ การทำแบบนี้นอกจากจะทำให้เค้าเสียกำลังใจ ยั่งบั่นทอนความสามารถของลูกน้องดีๆเหล่านี้อีกด้วย

...
“...แม้จะรักเธอเท่าไหร่ ฉันก็ต้องคอยบังคับใจฉันให้เหินห่าง ทั้งที่ใจตัวเอง อยากระบายให้เธอรู้บ้าง
และเธอสูงเกินจะใฝ่ เธอคงจะไม่สนใจในคนข้างล่าง ที่เขาเฝ้ามองอยู่ ถึงแม้ไม่มีความหวัง”
...บอย โกสิยพงษ์


เมื่อหัวหน้างานกำลังจะตัดสินใจอะไรเรื่องใหญ่ๆที่คิดว่าสำคัญกับบริษัท อย่าคิดถึงแต่บริษัทนะครับ คิดถึงผลกระทบที่จะเกิดกับ“คนข้างล่าง”ที่อยู่ในบริษัทด้วย และเพื่อที่จะนำคนเหล่านั้นออกจากความรู้สึกถูกหักหลังน้อยอกน้อยใจ ให้กลับกลายเป็นความไว้วางใจ ความสนใจ อยากระบายให้“นาย”รู้บ้าง น่าจะลองทำแบบนี้ครับ

รู้จักสังเกตและยอมรับว่าลูกน้องทำอะไรอยู่ ดูเหมือนอู้แต่เค้ากำลัง“นั่งปลดปล่อยความคิด”เพื่อเรา เพื่องานเพื่อความสร้างสรรค์หรือเปล่า ต้องเข้าใจว่างานที่สร้างสรรค์ไม่ได้เกิดจากความกดดันแต่เกิดจากความยอมรับและเปิดกว้างในทุกมิติของการทำงาน

รับรู้รับฟังและปล่อยให้เค้าระบายออกมาซะบ้าง เจ้านายที่ดีควรรู้จักรับฟังปัญหาไม่ว่าจะสำคัญกับงานหรือไม่ ที่สำคัญต้องเข้าใจว่าลูกน้องต้องการสิ่งที่เรียกว่าเวลาและความรู้สึกดีดี ตามความจำเป็นของงาน

“ไตร่ตรองดูให้ดี สิ่งที่อยู่ในใจคั่งค้าง” มีอะไรพูดออกมาให้หมด กระตุ้นเค้าให้พูดออกมาให้เคลียร์ (แบบตะล่อมนะครับ ไม่ใช่ตะคอก) อะไรที่มันสะสมไว้เรื่องไม่ดีๆอาจกลายเป็นเรื่องแย่ แล้วก็พาลให้มันระเบิดออกมาหมดไม่วันใดก็วันหนึ่ง

“ให้ใจที่มันอ่อนไหว ได้พักผ่อนคลายเสียบ้าง” อย่าไปกดดันลูกน้องว่าทุกงานต้องมีเป้าแบบนั้นแบบนี้ ของความชัดเจนขออะไรที่แน่นอนซะทุกเรื่อง บางครั้งรู้ว่างานนั้นทำไปก็อาจไม่สำเร็จ แล้วลูกน้องหาทางออกไม่เจอ เราก็ยังต้องรู้จักหา“แลนดิ้ง”ให้เค้าหน่อย ทางหนึ่งเพื่อรักษาหน้าเรา อีกทางหนึ่งให้เขาได้ผ่อนคลายเสียบ้าง

“แม้ดีใจ ก็ต้องฝืนทำตัวเหินห่าง” เมื่องานสำเร็จหัวหน้างานที่ดีต้องยกความดีนั้นให้ลูกน้อง ถ้างานพลาดต้องขอตัวเองให้รับผิดชอบแทนลูกน้อง อย่าผูกผลงานใดๆไว้กับบริบทของตัวเองนะครับ


“Friendship and Betrayal are two things apart, yet one thing together”
...

อย่าเสียคนดีๆออกไป ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
อย่าเสียเพื่อนคนสำคัญออกไป ด้วยการไม่สนใจเรื่องที่อาจจะกลายเป็นเรื่อง

เพราะความน้อยเนื้อต่ำใจเนื่องจากความรู้สึก“ถูกหักหลัง”นั้น...
มี “ต้นทุนของความเชื่อมั่น” ที่สูงมากนะครับ

No comments:

Post a Comment