Wednesday, 22 June 2011

อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ของธุรกิจของท่าน




เพราะมิติของเวลาประกอบไปด้วย “อดีต ปัจจุบัน และอนาคต” ซึ่งเกี่ยวเนื่องกันครับ



“อดีต”เคยเป็น“ปัจจุบัน”ของมิติหนึ่ง “อนาคต”ก็กำลังจะกลายเป็น“ปัจจุบัน”ของอีกมิติหนึ่ง จึงเป็นเรื่องไม่ถูกเสมอไปถ้าเราเลือกที่จะมีชีวิตอยู่แต่ในปัจจุบันเท่านั้น ไม่แปลกที่คนบางคนผูกติดกับอดีตและยึดเอาอดีตเป็นบทเรียนในการดำเนินชีวิต ขณะที่อีกคนมองไปข้างหน้า ไม่หันหลังมาเอาแต่มองหาแต่สิ่งที่อยากจะสร้าง อยากจะมี อยากจะเป็น หรือคนอีกคนหนึ่งสร้างชีวิตจากสิ่งที่มี สิ่งที่เป็น ไม่ใช่สิ่งที่ฝันหรือสิ่งที่เคยมี

...

ธุรกิจที่ฉลาดต้องไม่ปฏิเสธอดีตหรืออนาคต ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ใช้ชีวิตจมอยู่แค่ในอดีตหรือเพ้อหาแต่อนาคตเหมือนกันครับ ธุรกิจที่ดีต้องทำตัวเป็นปัจจุบันของอดีต คือรู้จักเรียนรู้ความผิดพลาดหรือความสำเร็จของสิ่งที่ผ่านมาและผ่านไป ธุรกิจที่ดีควรมองเห็นปัจจุบันของอนาคต คือต้องรู้จักวาดฝันและวางแผนเพื่อมองเห็นตัวเองในวันข้างหน้า ธุรกิจที่ดีต้องรู้ว่าวันนี้หรือปัจจุบันเป็นได้แค่กำลังให้ใจ เอาไว้เพื่อให้รู้จักหยุด รู้จักยั้ง เพื่อไม่ให้เราเอาแต่มัวแต่ฝันหรือเมามันกันความสำเร็จ



ทุกๆธุรกิจที่จะประสบความสำเร็จได้ ต้องพารู้จักตัวเองเข้าไปอยู่ในทั้งสามมิติของอดีต ปัจจุบันและอนาคตครับ ทำความรู้จักเดียวไม่พอ ต้องสร้าง“สมดุล”ทางธุรกิจให้กับทั้งสามมิติไปพร้อมๆกันด้วย

สำหรับนักธุรกิจ หลายๆท่านอาจมีข้อถกเถียงว่าการใช้ชีวิตอยู่กับอดีตเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่า ความจริงก็คืออดีตเป็นแหล่งข้อมูลที่มีคุณค่ามากสำหรับอนาคตนะครับ ที่ท่านคิดว่าเสียเวลาอาจเป็นไปได้สองกรณี หนึ่งคือข้อมูลทางธุรกิจของท่านมากเกินไป ดูแล้วตาลาย จนไม่รู้จะเอามาใช้ประโยชน์อย่างไร หรืออีกทางหนึ่งในทางตรงข้าม ข้อมูลของท่านก็อาจน้อยเกินไปจนไม่สามารถเอามาใช้ประกอบการตัดสินใจอะไรให้เกิดประโยชน์ได้ ลองสร้างสมดุลของอดีตโดยการหันกลับมาดูข้อมูลเหล่านั้นสิครับ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ surveys หรือ customer feedback และข้อมูลประวัติของยอดขาย เพื่อมาปรับปรุงการผลิตของเรา หรือลองคิดถึงลูกค้าที่เราเคยพูดคุยด้วย ได้ฟังความคิดเห็นของลูกค้าที่มีต่อคุณภาพของสินค้าหรือบริการเราในทุกระดับ ทุกย่างก้าวหรือยัง

เมื่อสร้างสมดุลของอดีตได้แล้ว บางท่านก็มุ่งหน้าตั้งตาสู่อนาคตโดยทำปัจจุบันให้ดีที่สุด อย่างไรก็ดีบางครั้งขณะที่เรากำลังมองหาอนาคตที่สมบูรณ์แบบนั้น เราก็ละเลยปัจจุบันโดยไม่ทันระวังไม่ทันตั้งตัวนะครับ ข้อมูลการขายที่ได้จากการศึกษาอดีตนั้นอาจจะเป็น reference หรือ benchmark ที่ดี แต่อย่าลืมว่ารอบตัวเราคู่แข่งหรือคนอื่นๆนั้นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ตัวอย่างเช่นเราอาจจะตั้งใจผลิตสินค้าจนมี inventory เดิมๆมากเกินไป ลืมมองความต้องการของตลาด ณ ปัจจุบันหรือแผนการตลาดการขายที่เปลี่ยนได้ทุกนาที ลองสร้างสมดุลของปัจจุบันโดยการวางแผนระยะสั้นให้ align กับตลาด หรือเน้นการ prototype สินค้าเพื่อทดลองตลาดก่อนน่าจะช่วยได้ครับ

การวางแผนธุรกิจคืออีกปัจจัยเพื่อความสมดุลของอนาคตครับ การวางแผนที่ดีต้องมีการ research เพื่อเอามา planning และก็นำมา analyze ที่สำคัญคืออนาคตก็คืออนาคต ถ้าถึงเวลาจะฝันต้องกล้า ต้องท้าทายกับความคิดความเชื่อมั่นจากอดีตของตัวเอง ความกลัวคือสิ่งที่ทำให้อนาคตของธุรกิจของเราเสียสมดุล แน่นอนว่าแผนธุรกิจควรสร้างบนพื้นฐานของความเป็นจริง แต่อย่าลืมว่าธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้ก็อยู่ที่เราตั้งเป้าว่าเรามองความเป็นจริงอยู่บนพื้นฐานของอะไร

...

เพื่อธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ จงเรียนรู้เพื่อให้ทำความรู้จักกับ“ปัจจุบันของอดีต” พร้อมๆกับทำความคุ้นเคยกับความเป็น“ปัจจุบันของอนาคต”ครับ

No comments:

Post a Comment